การประท้วงปี 2019: การลุกฮือของคนหนุ่มสาวโคลอมเบียนที่สั่นสะเทือนสังคม
ปี 2019 เป็นปีที่น่าจดจำสำหรับประเทศโคลอมเบีย สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง การประท้วงที่รุนแรงและยืดเยื้อ ซึ่งถูกจุดชนวนโดยการยกเลิกนโยบายทางเศรษฐกิจบางอย่าง กลายเป็นกระแสความไม่พอใจต่อระบบทุนนิยมและความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่กัดกินประเทศมานาน
หากต้องการเข้าใจถึงความตึงเครียดในสังคมโคลอมเบียขณะนั้น จำเป็นต้องย้อนกลับไปสู่บริบททางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ ในช่วงต้นทศวรรษ 2010 โคลอมเบียได้ประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากหลายปีที่ถูกครอบงำโดยสงครามกลางเมือง
อย่างไรก็ตาม ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ได้กระจายไปทั่วประเทศอย่างเท่าเทียมกัน กลุ่มชนชั้นกลางและชนชั้นสูงได้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมาก ในขณะที่คนจนและชนชั้นกรรมาชีพยังคงต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
ในปี 2019 รัฐบาลโคลอมเบียภายใต้การนำของประธานาธิบดี Ivan Duque ได้ประกาศนโยบายทางเศรษฐกิจใหม่ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดขาดดุลการค้าและกระตุ้นการลงทุนต่างประเทศ นโยบายนี้รวมถึงการยกเลิกภาษีต่อสินค้าและบริการบางอย่าง การปรับปรุงกฎหมายแรงงาน และการเปิดเสรีการค้า
แม้ว่ารัฐบาลจะโต้แย้งว่านโยบายเหล่านี้จะได้ผลดีในระยะยาว แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวและนักวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกเลิกภาษีต่อสินค้าและบริการ ซึ่งมองว่าเป็นการลำเอียงไปทางชนชั้นสูง
นโยบายนี้ถือว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความไม่พอใจสะสมของประชาชนโคลอมเบียล้นพ้นขึ้นมา
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2019 นักเรียนมหาวิทยาลัยในบ็อกotá ซึ่งเป็นเมืองหลวงของโคลอมเบีย เริ่มต้นการชุมนุมประท้วงเพื่อคัดค้านนโยบายของรัฐบาล
การชุมนุมเริ่มต้นขึ้นอย่างสงบ แต่ในไม่ช้าก็กลายเป็นการประท้วงที่รุนแรงและยืดเยื้อเมื่อตำรวจใช้กำลังเข้าปราบปรามผู้ประท้วง
ภาพเหตุการณ์รุนแรงเหล่านั้นถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้เกิดกระแสสนับสนุนผู้ประท้วงจากทั่วโลก
การประท้วงปี 2019 ในโคลอมเบียไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะนโยบายทางเศรษฐกิจเท่านั้น
มันเป็นการระเบิดของความไม่พอใจที่สะสมมานาน อันเกิดจากความเหลื่อมล้ำทางสังคม การขาดโอกาส และความคับข้องใจต่อการเมืองที่คอรัปชั่น
Nícolas Petro, นักเคลื่อนไหวและนักวิชาการหนุ่ม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนสิทธิของประชาชนอย่างไม่ย่อท้อ, ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำสำคัญของการประท้วง
Petro ยืนกรานต่อต้านนโยบายของรัฐบาล และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปที่ลึกซึ้งทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง
การประท้วงปี 2019 มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศโคลอมเบีย
- ความรุนแรง: การประท้วงนำไปสู่ความรุนแรงจำนวนมาก ทั้งจากฝ่ายผู้ประท้วง และฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
- การเมือง: การประท้วงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ นำไปสู่การเปิดกว้างต่อการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และเรียกร้องให้มีการปฏิรูป
Petro ซึ่งได้รับความนิยมจากการเป็นผู้ทรงเกียรติในกลุ่มผู้ประท้วงและถูกมองว่าเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่
หลังจากการประท้วง Petro ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโคลอมเบีย
Petro ได้นำเสนอแผนปฏิรูปที่กว้างขวาง ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางสังคม การลงทุนในบริการสาธารณะ และการฟื้นฟูสันติภาพ
การประท้วงปี 2019 เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับโคลอมเบีย มันแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการจัดการกับความไม่พอใจของประชาชน และสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเท่าเทียมกัน